ปัจจุบันการใช้พลังงานไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ ล้วนมีความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และราคาพลังงานไฟฟ้าก็มีการปรับตัวสูงขึ้นจากสาเหตุต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว เมื่อตรวจสอบค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าที่ต้องจ่ายจริง ยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าปรับจำนวนมากที่เกิดขึ้นอย่างไม่จำเป็น เนื่องจากระบบไฟฟ้าภายในของโรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ สาเหตุจากการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพ หรือไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี โดยค่าใช้จ่ายบางส่วนนั้นสามารถลดลงได้ เมื่อมีการจัดการการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
ทางบริษัท DYGISTECH จึงได้คิดค้นและพัฒนาระบบ "ENERGY MONITORING" นี้ขึ้นมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการทุกประเภท สามารถควบคุมและจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบพฤติกรรมการใช้พลังงานของเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือกระทั่งค่าปรับที่เกิดขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตลง และสร้างความยั่งยืนสำหรับธุรกิจ
โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนการทำงานดังนี้
1. Machine Monitoring - การติดตามพฤติกรรมการทำงานของเครื่องจักร เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ระบุปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักร ซึ่งทำให้สามารถดำเนินการซ่อมบำรุงได้ทันท่วงที เป็นการลดความสูญเสียจากเครื่องจักรที่ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
2. Power Quality - การตรวจสอบคุณภาพการใช้พลังงาน เพื่อการปรับใช้พลังงานให้เหมาะสมกับงานและเครื่องจักร ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานเกินจำเป็นและปรับปรุงความสามารถในการบริโภคพลังงานไฟฟ้า โดยไม่ก่อให้เกิดค่าปรับทางไฟฟ้า
3. Electricity Tariff - การประเมินและคำนวณค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงาน สามารถตรวจสอบและวางแผนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงการเทียบและตรวจสอบค่าปรับที่เกิดขึ้น เพื่อการวางแผนการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในแต่ละเดือน
ENERGY MONITORING มีความสำคัญและประโยชน์ในหลากหลายมิติ ดังนี้
การลดต้นทุน การตรวจสอบพฤติกรรมการใช้พลังงาน และจัดสรรการบริโภคพลังงานอย่างประหยัดในแต่ละช่วงเวลา ทำให้พลังงานที่ใช้นั้นลดลง ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตลดลงตามไปด้วย
การปรับปรุงประสิทธิภาพ การตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีนั้น เป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์ วางแผนในการซ่อมบำรุง รวมถึงความสามารถในการประหยัดพลังงาน
การบริหารจัดการที่ยั่งยืน การมีข้อมูลและการเข้าใจในการใช้พลังงานไฟฟ้าช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจของพวกเขาจะสามารถทำงานได้ในระยะยาว
การคาดการณ์และวางแผนอนาคต ทำให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มของการใช้พลังงานในอนาคต ช่วยในการวางแผนสำหรับการขยายธุรกิจ หรือการทำงานในเชิงเศรษฐกิจใหม่ๆ
สนับสนุนการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ในบางประเทศ มีกฎหมายที่กำหนดว่าธุรกิจต้องรายงานการใช้พลังงานและเป้าหมายการลดของตน จึงสามารถช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของธุรกิจ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมักจะได้รับการยอมรับจากลูกค้าและสังคม ทำให้มีชื่อเสียงที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่จะสื่อสารกับลูกค้าและสังคมว่าธุรกิจของคุณให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรด้านพลังงานแก่โลกใบนี้